กว่าจะมาเป็น... "พลาสติก"

by ~3T3RNAL~ Thu Apr 01, 2010 8:06 pm

"พลาสติก" ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษ "plastics" นั้น มาจาก
ภาษากรีก"plastikos" แปลว่า "ซึ่งสามารถหล่อหลอมให้เป็นรูปร่างต่างๆ"

พลาสติกเป็นวัสดุซึ่งมีเสถียรภาพ(stable) เมื่ออยู่ในขั้นเป็นผลิตภัณฑ์สามารถนำไปใช้ในงานต่างๆ ได้
แต่เมื่ออยู่ในขั้นตอนการผลิตนั้นวัสดุพลาสติกจะมีลักษณะอ่อนตัว สามารถทำให้มีรูปร่าง
หรืออัดแบบได้ตามที่ต้องการ โดยใช้ความร้อนและความกดดัน

วัสดุพลาสติกที่ถือว่าเป็นชนิดแรกคือ เซลลูลอยด์(celluloid) ที่ถูกใช้แทนงานช้างในการทำลูกบิลเลียด
ในช่วงหลังของศตวรรษที่ 19 โดยผู้คิดทำขึ้น คือ จอห์น เวสเย์ ไฮแอทท์ (John Wesley Hyatt)
ใช้เซลลูโลสไนเทรต(cellulose nitrate) ผสมกับการบรู(camphor)

เหตุการณ์สำคัญบางอย่างในประวัติความเป็นมาของพลาสติก แสดงได้ดังต่อไปนี้
(ปีค.ศ.)
1868 - ไฮแอทท์ค้นคิดเซลลูลอยด์

1901 - โรห์ม(Rohm) ค้นคิดอะคริลิกส์ (acrylics)

1907 - เบเกอแลนด์(Baekeland) ค้นคิดฟีนอลิกส์ (phenolics)

1928 - คารอเทอร์ (Carothers)ค้นคิดไนลอน (nylon)

1936 - มีการจดลิขสิทธิบัตรพอลิเอทิลีน

1937 - มีการผลิตพอลิสไตรีน

1938 - มีผลิตภัณฑ์ไนลอนวางขายในท้องตลาด ในรูปแบบแปรงสีฟัน "Dr. West"

1939-1950 - พลาสติกถูกใช้เป็นวัสดุแทนวัสดุธรมมชาติประเภทยาง

1950-1960 - มีการผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสติกราคาถูกออกมามาก
ถ้าทำในญี่ปุ่น "made in Japan" หมายถึง คุณภาพไม่ดี

1957 - มีการผลิตพอลิคาร์บอเนต ซึ่งจัดเป็นพลาสติกวิศวกรรม(eneineering plastics)

1960 - การแข่งขันทางด้านอวกาศชักนำให้มีการพัฒนาของพลาสติกขั้นสูงกันมาก

1968 - พลาสติกเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป

1970-1980 - พลาสติกกลายมาเป็นวัสดุตัวเลือกลำดับแรกๆ
ถ้าทำในญี่ปุ่น "made in Japan" หมายถึง คุณภาพดี
(เป็นงั้นไป - -)

ประเภทของพลาสติก
พลาสติกแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- เทอร์มอพลาสติก(thermoplastics)
เป็นพลาสติกที่เมื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์แล้ว ยังสามารถนำกลับมาหลอมใหม่ ใช้งานใหม่ได้เรื่อยๆ

- เทอร์มอเซตติงพลาสติก (thermosetting plastic)
เป็นพลาสติกที่เมื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์แล้ว ไม่สามารถจะนำไปหลอมกลับมาใช้ใหม่อีก
เนื่องจากในขั้นตอนที่ทำเป็นผลิตภัณฑ์นั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงทางเคมีเกิดขึ้น
โดยโมเลกุลพลาสติกยึดเชื่อมต่อกันแบบเชื่อมขวาง (crosslinking)
การใช้ความร้อนไม่สามารถทำให้อ่อนตัวได้อีก และเมื่อได้รับความรับมากๆจะไหม้เกรียม และแตกออก
credit:Dek-D